เจาะลึกโทนสีกระจก Temper กับสไตล์การตกแต่งภายในยอดนิยม

รู้หรือไม่ว่า… แค่ “โทนสีกระจก Temper ” ก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศและบุคลิกของห้องได้อย่างสิ้นเชิง?

ไม่ว่าคุณจะชอบความโมเดิร์นเรียบหรู หรือบรรยากาศอบอุ่นคลาสสิก การเลือกโทนสีกระจกให้เข้ากับสไตล์การตกแต่งภายใน คือหนึ่งในรายละเอียดเล็กๆ ที่ส่งผลใหญ่ต่อความรู้สึกของผู้อยู่อาศัย บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกโทนสีกระจก Temper  แต่ละแบบ พร้อมเคล็ดลับการเลือกให้ตรงสไตล์และฟังก์ชัน เพื่อให้บ้านหรืออาคารของคุณสวยครบทุกมิติ

ทำความเข้าใจโทนสีกระจก Temper  ประเภทต่างๆ

1. กระจกใส (Clear Temper ed Glass) : เป็นกระจกเทมเปอร์พื้นฐานที่ได้รับความนิยมสูงสุด เนื้อกระจกเมื่อมองจากด้านข้างจะเห็นเป็นสีเขียวจางๆ ซึ่งเป็นสีตามธรรมชาติของเนื้อแก้วที่มีส่วนผสมของเหล็กออกไซด์ (Iron Oxide) ซึ่งสีเขียวในเนื้อกระจกอาจทำให้สีของวัตถุที่มองผ่านผิดเพี้ยนไปเล็กน้อย แต่ก็มีจุดเด่นตรงที่ให้ความโปร่ง สบายตา ทำให้พื้นที่ดูกว้างขวางขึ้น ราคาเข้าถึงง่ายและหาได้ทั่วไป
   
   
2. กระจกใสพิเศษ (Extra-Clear / Low-Iron Temper ed Glass) : หรือที่เรียกกันว่า "กระจกซูเปอร์เคลียร์" เป็นกระจก Temper  ที่ผ่านกระบวนการลดปริมาณเหล็กออกไซด์ในเนื้อแก้ว ทำให้มีความใสมากเป็นพิเศษ เมื่อมองจากด้านข้างจะเห็นเป็นสีฟ้าอ่อนๆ หรือแทบไม่มีสีเลย นอกจากนั้นยังให้ความคมชัดสูงสุด ไม่บิดเบือนสีของวัตถุด้านหลัง เหมาะกับงานที่ต้องการโชว์สีสันที่แท้จริง เช่น ผนังสีสวยๆ หรือชั้นวางของสะสม ให้ความรู้สึกหรูหราและทันสมัย แต่ก็มีราคาสูงกว่ากระจกใสทั่วไป
   
   
3. กระจกสีตัดแสง (Tinted Temper ed Glass) : เป็นกระจกที่ผสมสีเข้าไปในเนื้อแก้วตั้งแต่กระบวนการผลิต ทำให้เนื้อกระจกเป็นสีนั้นๆ ตลอดทั้งแผ่น ช่วยลดปริมาณแสงและความร้อนที่ส่องผ่านเข้ามาได้ดี โทนสีที่ได้รับความนิยม ได้แก่ สีชา (Bronze/Tea), สีเทา (Euro Grey/Graphite), สีเขียว (Green) และสีฟ้า (Blue)

ประเภทโทนสีกระจก Temper ยอดนิยม

• กระจกใส (Clear) – โปร่ง โล่ง เหมาะกับสไตล์ Modern, Minimal, Scandinavian
• กระจกใสพิเศษ (Extra-Clear) – ใสมาก ไม่เพี้ยนสี เหมาะโชว์พื้นผิวจริง เช่น หินอ่อน, งานโชว์สินค้า
• กระจกสีชา (Bronze) – อบอุ่น คลาสสิก เข้ากับสไตล์ Luxury, Vintage
• กระจกสีเทา (Grey) – สุขุม โมเดิร์น ใช้กับ Loft หรือ Modern Luxury
• กระจกสีตัดแสง (Tinted) – ลดแสงแดด เช่น สีชา, สีเทา, สีเขียว, สีฟ้า
• กระจกเงาสี (Tinted Mirror) – หรูหรา เหมาะกับ Glam, Art Deco

สีกระจก Temper  มีผลต่อการออกแบบตกแต่งอย่างไร

1. การสร้างบรรยากาศและอารมณ์ : นี่คือผลกระทบที่ชัดเจนที่สุด สีกระจกแต่ละโทนสามารถกำหนด Mood & Tone ของห้องได้อย่างสิ้นเชิง เช่น
   
   • กระจกใส (Clear) / ใสพิเศษ (Extra-Clear): ให้ความรู้สึก โปร่ง โล่ง สบาย เป็นมิตรและเปิดเผย เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องการความสว่างและดูกว้างขวาง เช่น ห้องนั่งเล่นสไตล์มินิมอล, ออฟฟิศที่ต้องการบรรยากาศกระตือรือร้นหรือร้านค้าที่ต้องการโชว์สินค้าอย่างชัดเจน
   • กระจกสีชา (Bronze/Tea): กระจก Temper สีชา ให้ความรู้สึก อบอุ่น หรูหรา นุ่มนวลและเป็นส่วนตัว แสงที่ผ่านเข้ามาจะถูกย้อมเป็นสีโทนอุ่น ทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลายและคลาสสิก เหมาะกับห้องนอน, Walk-in Closet, เลานจ์ หรือห้องทำงานผู้บริหารที่ต้องการความภูมิฐาน
   • กระจกสีเทา (Grey): ให้ความรู้สึก สุขุม ทันสมัย เรียบเท่และสงบ เป็นสีกลางที่ลดทอนความจัดจ้าของแสงได้ดี ทำให้พื้นที่ดูนิ่งและเป็นระเบียบ เหมาะอย่างยิ่งกับสไตล์โมเดิร์นและลอฟท์ ใช้ได้ดีในห้องน้ำ, ฉากกั้นห้องทำงานหรือผนังในห้องประชุม
     
     
2. การรับรู้เรื่องแสงและเงา: สีกระจก Temper ทำหน้าที่เหมือนฟิลเตอร์ที่เปลี่ยนแปลงคุณภาพของแสงธรรมชาติ เช่น
   
   • กระจกใส: ปล่อยให้แสงผ่านเข้ามาได้เกือบ 100% ทำให้ห้องสว่างที่สุดและเงาที่เกิดขึ้นจะมีความคมชัด
   • กระจกสีตัดแสง (สีชา, สีเทา): จะลดปริมาณแสงที่ผ่านเข้ามา ทำให้พื้นที่ภายในมีความสว่างน้อยลง ช่วยลดความจ้าของแสงแดดได้เป็นอย่างดี แสงที่ผ่านเข้ามาจะถูกย้อมสี ทำให้เงาที่ทอดในห้องมีความนุ่มนวลและมีสีสันตามโทนกระจก สร้างมิติที่น่าสนใจยิ่งขึ้น เช่น แสงแดดยามบ่ายที่ส่องผ่านกระจกสีชาจะสร้างบรรยากาศสีทองที่อบอุ่นไปทั่วห้อง
     
     
3. การรับรู้เรื่องสีสันของวัสดุอื่น: สีกระจก Temper มีผลโดยตรงต่อการมองเห็นสีที่แท้จริงของวัสดุที่อยู่ด้านหลังหรือโดยรอบ ตัวอย่างเช่น
   
   • กระจกใส: แม้จะดูใสแต่เนื้อกระจกมีสีเขียวอยู่ตามธรรมชาติ หากนำไปใช้กั้นผนังที่ทาสีขาวบริสุทธิ์ หรือผนังหินอ่อนสีขาวคาลากัตต้า (Calacatta) จะทำให้ผนังนั้นดูอมเขียวเล็กน้อย
   • กระจกใสพิเศษ: กระจก Temper แบบใสพิเศษนี้ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อแก้เนื้อกระจกมีสีเขียวอยู่ตามธรรมชาติโดยเฉพาะ เพราะอาจจะทำให้สีของวัตถุที่มองผ่านกระจกผิดเพี้ยนไป โดยทำให้มีความใสสูงสุดจึงไม่ทำให้สีของวัสดุด้านหลังผิดเพี้ยน เหมาะกับงานที่ต้องการโชว์สีที่แท้จริง เช่น ตู้โชว์จิวเวลรี่, ฉากหลังเคาน์เตอร์ครัวที่ปูด้วยกระเบื้องสีสวยๆ หรือกั้นภาพวาดราคาแพง
     
     
   • กระจกสี: จะย้อมสีของสิ่งที่อยู่ด้านหลังและบริเวณใกล้เคียงอย่างชัดเจน เช่น หากใช้กระจกสีเทากั้นห้อง ผนังสีขาวที่อยู่ติดกันก็จะสะท้อนเงาสีเทาออกมาด้วย นักออกแบบจึงต้องวางแผนคู่สีโดยรวมให้ดี
     
     
4. การสร้างมิติและความเป็นส่วนตัว: ความโปร่งใสของกระจก Temper ส่งผลต่อการรับรู้ขอบเขตของพื้นที่ เช่น
   
   • กระจกใส: ทำลายขอบเขตทางสายตา ทำให้พื้นที่เล็กๆ ดูกว้างขึ้นอย่างไร้รอยต่อ เหมาะกับการกั้นห้องในคอนโดหรือบ้านขนาดกะทัดรัด แต่ในทางกลับกัน ก็มอบความเป็นส่วนตัวได้น้อยที่สุด
   • กระจกสี: สร้างขอบเขตของพื้นที่ที่ชัดเจนขึ้น แต่ยังคงความรู้สึกเชื่อมต่อกันอยู่บ้าง ช่วยพรางสายตาและเพิ่มความเป็นส่วนตัว ได้ดีกว่ากระจกใส เราจะมองเห็นเป็นเพียงเงารางๆ ของสิ่งที่อยู่ด้านหลัง เหมาะสำหรับฉากกั้นอาบน้ำ, ประตูห้องนอน หรือห้องประชุมที่ต้องการสมาธิแต่ไม่ต้องการให้รู้สึกอึดอัดเหมือนผนังทึบ
     
     
5. การส่งเสริมสไตล์การตกแต่ง: สีกระจก Temperเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยตอกย้ำคาแรคเตอร์ของสไตล์นั้นๆ ให้ชัดเจนขึ้น เช่น
   
   • สไตล์โมเดิร์น/มินิมอล: กระจกใสและเทา
   • สไตล์ลักซ์ชัวรี่/คลาสสิก: กระจกสีชาและใสพิเศษ
   • สไตล์อินดัสเทรียลลอฟท์: กระจกใสในกรอบเหล็กดำและกระจกสีเทา

จับคู่โทนสีกระจก Temper กับสไตล์การตกแต่งภายใน

การเลือกโทนสีที่เหมาะสมจะช่วยส่งเสริมให้สไตล์การตกแต่งของคุณโดดเด่นยิ่งขึ้น

1. สไตล์โมเดิร์น (Modern) และ มินิมอล (Minimalist): สไตล์ที่เน้นความเรียบง่าย โปร่ง โล่ง สบายตาและเส้นสายที่สะอาดตา
   
   • กระจกที่แนะนำ: กระจกใสและกระจกใสพิเศษ
   • เหตุผล: ความใสของกระจกตอบโจทย์หัวใจของสไตล์นี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ช่วยเพิ่มแสงธรรมชาติ ทำให้ห้องดูกว้างและสว่างขึ้นโดยไม่รบกวนองค์ประกอบอื่นในห้อง
     
   • ตัวอย่างการใช้งาน:
     
     • ผนังกั้นห้องกระจกใสแบบไร้ขอบ: กั้นสัดส่วนห้องทำงานและห้องนั่งเล่นโดยยังคงความรู้สึกเชื่อมต่อและโปร่งโล่ง
     • ฉากกั้นอาบน้ำกระจกใสพิเศษ: ในห้องน้ำที่ปูด้วยกระเบื้องลวดลายสวยงาม การใช้กระจกใสพิเศษจะทำให้เรามองเห็นความสวยงามของผนังได้อย่างชัดเจน ไม่ผิดเพี้ยน
     • ราวกันตกกระจกใส: บริเวณบันไดหรือระเบียงชั้นลอย ช่วยสร้างความปลอดภัยโดยไม่บดบังทัศนียภาพ
       
       
2. สไตล์ลักซ์ชัวรี่ (Luxury / Glam): สไตล์ที่เน้นความหรูหรา โอ่อ่า เลือกใช้วัสดุที่มีความมันวาวและพื้นผิวที่น่าสนใจ เช่น หินอ่อน โลหะสีทองหรือโรสโกลด์
   
   • กระจก Temper ที่แนะนำ: สีชา (Bronze), สีเทา (Grey) และกระจกใสพิเศษ
   • เหตุผล:
     • กระจกสีชา: ให้เงาสะท้อนที่นุ่มนวลและอบอุ่น เข้ากันได้ดีกับเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มและอุปกรณ์ตกแต่งสีทอง สร้างบรรยากาศที่หรูหราและน่าค้นหา
       กระจกสีเทา: เพิ่มความสุขุม ทันสมัยและดูเป็นสากล เมื่อจับคู่กับหินอ่อนสีขาวหรือดำ จะยิ่งเสริมความโดดเด่นให้กันและกัน
       
       
   • ตัวอย่างการใช้งาน:
     
     • ประตูตู้เสื้อผ้าหรือ Walk-in Closet กระจกสีชา: ช่วยพรางตาให้ภายในดูไม่รก แต่ยังคงมองเห็นเสื้อผ้าได้ลางๆ เพิ่มมิติและความหรูหรา
     • ผนังกระจก Temper  สีเทาในห้องน้ำ: ใช้เป็นฉากกั้นโซนเปียก-แห้งในห้องน้ำที่ตกแต่งด้วยหินอ่อนสีดำหรือเทาเข้ม สร้างลุคที่ดูดุดันและพรีเมียม
     • ท็อปโต๊ะกระจกใสพิเศษ: วางบนโต๊ะกลางหรือโต๊ะอาหารที่มีขาโต๊ะดีไซน์สวยงาม เพื่อโชว์ความโดดเด่นของฐานโต๊ะได้อย่างเต็มที่
       
       
3. สไตล์อินดัสเทรียลลอฟท์ (Industrial Loft) : สไตล์ที่เน้นการโชว์ความดิบของวัสดุ เช่น ปูนเปลือย เหล็ก อิฐและไม้
   
   • กระจก Temper ที่แนะนำ: กระจกใส (นิยมใช้ร่วมกับกรอบเหล็กสีดำ) และ กระจกสีเทา
   • เหตุผล:
     • กระจกใสในกรอบเหล็ก: เป็นภาพจำของสไตล์ลอฟท์ ช่วยกั้นพื้นที่แต่ยังคงความโปร่งและเชื่อมถึงกันได้ดี สีดำของกรอบเหล็กตัดกับความใสของกระจกได้อย่างลงตัว
     • กระจกสีเทา: ช่วยเสริมลุคให้ดูขรึมและเท่มากขึ้น เข้ากันได้ดีกับโทนสีของปูนเปลือยและเหล็ก
       
   • ตัวอย่างการใช้งาน:
     • ผนังกั้นห้องนอนแบบกระจกกรอบเหล็ก: เป็นที่นิยมอย่างมากในการแบ่งพื้นที่ในคอนโดหรือบ้านสไตล์ลอฟท์
     • ประตูบานเลื่อนกระจกสีเทา: กั้นระหว่างห้องครัวและพื้นที่รับประทานอาหาร ช่วยคุมกลิ่นแต่ยังคงความเท่และเชื่อมโยงกับสไตล์โดยรวม
       
       
4. สไตล์สแกนดิเนเวียน (Scandinavian) และ เจแปนดิ (Japandi) : สไตล์ที่เน้นความสว่าง อบอุ่น เรียบง่าย ใช้แสงธรรมชาติเป็นหลัก และผสมผสานกับวัสดุจากธรรมชาติอย่างไม้สีอ่อน
   
   • กระจก Temper ที่แนะนำ: กระจกใส และ กระจกใสพิเศษ
   • เหตุผล: สไตล์นี้ให้ความสำคัญกับแสงธรรมชาติและความรู้สึกโปร่งสบายเป็นอย่างยิ่ง การใช้กระจกใสจึงเป็นการเปิดรับแสงเข้ามาในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด ทำให้บ้านดูสว่างและอบอุ่นตามปรัชญา "Hygge" (ฮุกกะ) ของชาวสแกนดิเนเวียน
     
   • ตัวอย่างการใช้งาน:
     • ประตูหรือหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่: เพื่อดึงแสงธรรมชาติและวิวสวนภายนอกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน
     • ชั้นวางของกระจกใส: ทำให้ของที่วางดูโดดเด่นและไม่ทำให้ห้องดูทึบตัน

การเลือกโทนสีกระจก Temper ไม่ใช่แค่เรื่องของฟังก์ชั่นการใช้งาน แต่เป็นเครื่องมือสำคัญของนักออกแบบและเจ้าของบ้านในการสร้างสรรค์บรรยากาศและสะท้อนตัวตน การทำความเข้าใจคุณสมบัติของกระจกแต่ละโทนสีและนำมาปรับใช้ให้เข้ากับสไตล์การตกแต่ง จะช่วยยกระดับให้บ้านของคุณไม่เพียงสวยงาม แต่ยังสมบูรณ์แบบในทุกมิติ ข้อแนะนำสุดท้ายก่อนตัดสินใจ ควรขอดูตัวอย่างกระจกจริงจากผู้ผลิตหรือร้านค้า เพื่อนำมาเทียบกับแสงธรรมชาติและแสงไฟในพื้นที่จริง จะช่วยให้คุณเห็นภาพและตัดสินใจเลือกโทนสีที่ใช่ที่สุดสำหรับบ้านของคุณ

SN Temper  Glass เรามุ่งมั่นสร้างสรรค์งานกระจกนิรภัยที่มีทั้งความสวยงามและความปลอดภัย ด้วยประสบการณ์กว่า 25 ปี เราเชี่ยวชาญการออกแบบ ผลิต และติดตั้งกระจก Temper  (Temper ed Glass) และกระจกลามิเนตคุณภาพสูงสำหรับทั้งที่พักอาศัย อาคารพาณิชย์และสำนักงาน ที่ผ่านมาตรฐาน มอก. พร้อมเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ให้คุณมั่นใจได้ในความแข็งแรง ทนทาน และปลอดภัยสูงสุด

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญกระจก Temper ติดต่อทีมงานได้ทันที

Hot Line : 081-697 9542, 097-2743058,095-5796043, 02-8973646-7, 02-6973646-7
LINE Official : @777htzdz
Facebook : Sn Temper Glass
E-Mail: sn.temper.glass@hotmail.com