เลือกความหนากระจกนิรภัยอย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน
กระจกนิรภัยมีกี่แบบ และควรเลือกแบบไหนดีให้เหมาะกับการใช้งานแต่ละส่วน
“กระจกนิรภัย” เป็นอีกหนึ่งวัสดุอุปกรณ์การสร้างและตกแต่งบ้าน ที่ได้รับความนิยมสูงมากในปัจจุบัน ด้วยความนิยมที่เปลี่ยนไป ทำให้หลาย ๆ คนเลือกใช้กระจกในการตกแต่งบ้าน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของผนังบ้าน ประตู หน้าต่าง ที่กั้นห้อง ระเบียง หรือแม้แต่ใช้ทำราวบันได เพราะการใช้กระจกจะช่วยเพิ่มแสงสว่างภายในบ้าน ทำให้บ้านดูมีมิติ และปลอดโปร่งมากยิ่งขึ้น เหมาะกับบ้านสไตล์โมเดิร์นที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน แต่ในขณะเดียวกัน การเลือกซื้อกระจกนิรภัยก็ต้องคำนึงถึงหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น ความหนา น้ำหนัก ซึ่งจะส่งผลต่อความปลอดภัยของเจ้าของบ้านโดยตรง ในบทความนี้ SN Temper Glass จึงได้รวบรวมเทคนิคการเลือกความหนาของกระจกนิรภัยให้เหมาะกับการใช้งาน
กระจกนิรภัย มีกี่ประเภท?
โดยทั่วไปแล้ว กระจกนิรภัย สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ กระจกเทมเปอร์ และกระจกลามิเนต ซึ่งกระจกทั้งสองประเภทนี้ มีคุณสมบัติที่แตกต่างจากกระจกทั่ว ๆ ไป ดังนี้
- กระจกนิรภัยเทมเปอร์ : เป็นกระจกแบบชั้นเดียว มีความแข็งแรงกว่ากระจกธรรมดาทั่วไป มีความปลอดภัยสูง หากเกิดการกระแทกอย่างรุนแรงกระจกจะแตกตัวออกเป็นเม็ดเล็ก ๆ ซึ่งมีลักษณะคล้ายเมล็ดข้าวโพด ไม่แหลมคม ไม่อันตราย ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิแบบฉับพลัน
- กระจกนิรภัยลามิเนต : เป็นกระจกนิรภัย แบบ 2 ชั้นเพราะเกิดจากการนำกระจกสองแผ่นมาประกบติดกัน แล้วถูกหลอมด้วยความร้อนและติดด้วยแผ่นฟิล์มจนทำให้กระจกดูใสเหมือนแผ่นเดียวกัน นิยมใช้สำหรับงานที่ต้องการป้องกันแรงกระแทกและรับน้ำหนักได้ดีโดยเฉพาะ เช่น นำมาทำเป็นพื้นกระจก หลังคาสกายไลต์ หรือ ผนังกระจกผืนใหญ่ เป็นต้น
- กระจกนิรภัย เป็นกระจกชนิดหนึ่งที่ผ่านกระบวนการอบความร้อนและทำให้เย็นลงอย่างรวดเร็ว เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและทนทานมากกว่ากระจกธรรมดาถึง 5 เท่า กระจกนิรภัยจึงนิยมนำมาใช้ในงานที่ต้องการความแข็งแรงสูง เช่น ประตู หน้าต่าง กระจกรถยนต์ กระจกห้างร้าน หรืองานหลังคา
กระจกนิรภัยผลิตโดยการนำกระจกธรรมดาไปผ่านกระบวนการอบความร้อนที่อุณหภูมิสูงประมาณ 620 องศาเซลเซียส จากนั้นจึงทำให้เย็นลงอย่างรวดเร็วด้วยลมเย็นจัด กระบวนการนี้จะทำให้โครงสร้างของกระจกเปลี่ยนแปลงไป ทำให้มีความแข็งแรงและทนทานมากขึ้น กระจกนิรภัยมีคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการ ได้แก่
- มีความแข็งแรงและทนทานสูงกว่ากระจกธรรมดาถึง 5 เท่า
- ทนต่อแรงกระแทกได้ดี
- ไม่แตกเป็นเสี่ยง ๆ เมื่อแตก จะแตกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ที่ไม่มีคม จึงปลอดภัยกว่ากระจกธรรมดา
- ทนต่อความร้อนได้ดี
- มีความโปร่งใสสูง
- สามารถเคลือบสารต่าง ๆ เพื่อเพิ่มคุณสมบัติพิเศษ เช่น สารกันรอยขีดข่วน สารกันน้ำ และสารกันความร้อน
ข้อควรระวังในการใช้กระจกนิรภัย
- แม้ว่ากระจกนิรภัยจะมีความแข็งแรงและทนทานสูง แต่ก็ยังมีข้อควรระวังในการใช้งาน ดังนี้
- ไม่ควรนำกระจกนิรภัยไปใช้ในงานที่ต้องรับน้ำหนักมาก
- ไม่ควรนำกระจกนิรภัยไปใช้ในบริเวณที่มีความร้อนสูงเกินไป
- ไม่ควรนำกระจกนิรภัยไปใช้ในบริเวณที่มีความชื้นสูง
- ไม่ควรนำกระจกนิรภัยไปใช้ในบริเวณที่มีสารเคมีกัดกร่อน
การดูแลรักษากระจกนิรภัย
เพื่อให้กระจกนิรภัยใช้งานได้ยาวนาน ควรดูแลรักษา ดังนี้
- ใช้ผ้าขนหนูหรือฟองน้ำนุ่ม ๆ ชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดทำความสะอาดกระจกนิรภัย
- ไม่ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์กัดกร่อน
- ไม่ควรใช้แปรงหรือวัสดุที่มีความแข็งขัดกระจกนิรภัย
- ไม่ควรนำกระจกนิรภัยไปแช่น้ำเป็นเวลานาน
วิธีการเลือกความหนาของกระจกนิรภัยให้เหมาะกับการใช้งาน
ความหนากระจกมีให้เลือกหลากหลายตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นขนาด 3 มิลลิเมตร, 5 มิลลิเมตร จนไปถึง 20 มิลลิเมตรเลยก็มี ซึ่งสิ่งหลัก ๆ ที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจเลือกความหนาของกระจก คือ ความหนาของกระจกจะต้องไม่บางจนเกินไป ควรเลือกความหนาของกระจก โดยพิจารณาจากบริเวณที่ต้องการติดกระจกนิรภัยเป็นหลัก ทั่วไปแล้วกระจกนิรภัยจะมีความหนาให้เลือกตามความต้องการ ซึ่งจะมีความหนาเริ่มต้นที่ 3 มิลลิเมตร ไปจนถึง 20 มิลลิเมตร จะเห็นได้เลยว่าความหนาค่อนข้างมีความแตกต่างกัน เพราะฉะนั้นแล้ว การนำไปใช้งาน ก็ย่อมแตกต่างกันตามลักษณะหน้างานด้วยเช่นกัน สำหรับการเลือกกระจกนิรภัยจะต้องพิจารณาก่อนว่า ต้องเลือกกระจกที่ไม่บางเกินไป ให้มีความเหมาะสมกับการใช้งาน โดยสามารถแยกลักษณะการใช้งานได้ ดังนี้
- ความหนากระจกสำหรับประตูหน้าต่าง
เนื่องจากประตูและหน้าต่างเป็นบริเวณที่เราจะต้องใช้งานเปิด-ปิดอยู่ตลอด ดังนั้น ความหนากระจกสำหรับประตูหน้าต่าง ควรเลือกความหนาในระดับปานกลาง-สูง สำหรับหน้าต่างหรือประตูที่มีขอบ ควรเลือกความหนาอยู่ที่ประมาณ 5-6 มิลลิเมตร แต่ถ้าหากไม่มีขอบแนะนำให้เลือกความหนาอยู่ที่ 10 มิลลิเมตรขึ้นไป - ความหนากระจกสำหรับหลังคา
ความหนากระจกสำหรับหลังคา จะต้องเลือกกระจกที่มีความแข็งแรงทนทานค่อนข้างสูง อีกทั้งยังต้องมีคุณสมบัติในการป้องกันแรงกระแทก ลดการแตกเปราะ ดังนั้น แนะนำเป็นกระจกนิรภัยที่มีความหนาอยู่ที่ประมาณ 10 - 20 มิลลิเมตรขึ้นไป เพื่อเพิ่มแข็งแรงทนทานของโครงสร้างหลังคาและเป็นการรองรับน้ำหนักที่ดี - ความหนากระจกสำหรับชั้นวางของ
ชั้นวางของแบบกระจก เป็นที่นิยมมากสำหรับผู้ที่ต้องการให้บ้านมีความสวยงาม และเพิ่มความโดดเด่นให้กับของที่ตั้งโชว์ ในการเลือกความหนากระจกสำหรับชั้นวางของ ควรเลือกกระจกนิรภัยที่มีความหนาไม่เกิน 5-6 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นความหนาที่พอดี ไม่บางจนเกินไป - ความหนากระจกสำหรับท็อปโต๊ะ
กระจกท็อปโต๊ะ คือกระจกที่นำมาวางทับบนโต๊ะเดิม เช่น โต๊ะทำงาน หรือโต๊ะรับประทานอาหาร ทำให้มีความสวยงามมากยิ่งขึ้น โดยความหนาของกระจกท็อปโต๊ะ ควรอยู่ที่ประมาณ 6-12 มิลลิเมตร ขึ้นอยู่กับวัสดุของโต๊ะเดิมที่ใช้งานอยู่ด้วย
การเลือกกระจกนิรภัยให้เหมาะสมกับการใช้งาน และลักษณะหน้างาน ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก เพราะนอกจากจะส่งผลต่อความสวยงามแล้ว ยังส่งผลต่อการใช้งานและความปลอดภัยอีกด้วย และหากคุณกำลังมองหา กระจกนิรภัย ราคาดี กระจกเทมเปอร์ลามิเนต แนะนำที่ SN Temper Glass ผู้ชำนาญด้านงานกระจกโดยเฉพาะ กระจกเทมเปอร์ลามิเนต , กระจกเฟรมอลูมิเนียม มีผลิตภัณฑ์หลากหลายที่ผลิตจากกระจกคุณภาพดี เกรด A มีมาตรฐาน พร้อมบริการแปรรูปกระจก อาทิ รับอบกระจกนิรภัย (Tempered Glass), เจียรปรี, เจียรริม, พ่นทราย สามารถสั่งผลิตตามหน้างานทุกรูปแบบ การันตีด้วยประสบการณ์กว่า 25 ปี
เลือกความปลอดภัยให้กับบ้านของคุณด้วยกระจกนิรภัย ที่ SN Temper Glass
Hot Line : 081-697 9542, 097-2743058,095-5796043, 02-8973646-7, 02-6973646-7
LINE Official : @777htzdz
Facebook : Sn Temper Glass
E-Mail: sn.temper.glass@hotmail.com